1 . ที่ดิน ซึ่งเราจะต้องรู้ดังนี้
ขนาดที่ดิน ว่ากว้าง และยาวเท่าไหร่ รูปร่างของที่ดินเราเป็นลักษณะไหน รู้ได้ง่ายด้วยการใช้สายวัดขนาดยาว 30 ม. หรือ 50 ม. ขึ้นอยู่กับที่ดินเราว่ามีขนาดใหญ่ประมาณไหน แต่ถ้าที่ดินเราใหญ่มากเป็นไร่ๆ เราอาจะวัดเองจากโฉนดคร่าวๆ ก่อนได้ แต่ส่วนใหญ่ที่ดินขนาดใหญ่ จะไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องเลือกแบบบ้านมากนัก
** รู้ขนาดที่ดิน จะทำให้เราเลือกแบบบ้านที่ใกล้เคียงกับดินได้ง่ายกว่า โดยไม่ไปเพ้อกับบ้านที่หน้ากว้างหากที่ดินเราหน้าแคบ**
2.สภาพแวดล้อม รอบๆ ที่ดินที่เราจะปลูกสร้าง
เป็นอย่างไรบ้าง เช่น ที่ดินใกล้คลอง แม่น้ำ รำราง กรณีนี้จะมีกฎหมายระยะเว้นตามกฎหมายที่จะต้องปฎิบัติตาม หรือหากเป็นที่ดินเปล่าไม่ชิดติดใคร การออกแบบ เลือกแบบ สามารถพิจารณาอิงหลักเกณฑ์ทิศแดดและลมตามฤดูกาลได้มากกว่าที่ดินที่มีสิ่งปลูกสร้างชิดรอบด้าน **การรู้สภาพแวดล้อมจะนำมาสู่การพิจารณาแบบบ้านที่ควรมีลักษณะช่องเปิด ช่องปิดแบบไหน กระจกใหญ่กว้าง กระจกชิดส่วนใด เพื่อให้การอยู่อาศัยสบายไม่ร้อนและมีความเป็นส่วนตัว**
3. วิถีชีวิต Life Style ง่ายๆ
เราอาจะจำแนกสมาชิกออกมาเป็น Generation เช่น รุ่นคุณปู่/คุณย่า รุ่นพ่อแม่ และรุ่นลูก
เพื่อทราบไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมของคนแต่ละรุ่นในบ้านเรา และลิสท์ออกมาเป็นรายการว่าบ้านใหม่หลังนี้ควรจะมีห้องอะไรบ้าง ฟังก์ชั่นไหนที่ต้องการเป็นพิเศษ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของสมาชิกในครอบครัว
4.พื้นที่ใช้สอย การใช้สอยพื้นที่
เมื่อรู้ที่ดิน รู้สภาพแวดล้อมแล้ว ต่อมาก็ต้องมากำหนดขนาดของพื้นที่ต่างๆ
ขนาดของห้องต่างๆ ที่ต้องการใช้งาน จะสัมพันธ์กับกับฟังก์ชั่นที่เรากำหนดไว้ก่อนหน้านี้ เช่น ห้องนอนเราอยากวางเตียง King size มีห้องแต่งตัว ห้องน้ำแบบมีอ่าง มีโซนนั่งทำงานในห้อง ขนาดของพื้นที่ใช้สอยก็จะสอดรับกับฟังก์ชั่นที่เรากำหนดแบบใช้งานได้จริง
**ขนาดของห้องต่างๆ มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งจะนำไปสู่การคำนวณพื้นที่ใช้สอยและงบประมาณการปลูกสร้าง**
5.สไตล์บ้านที่ชอบ
สไตล์บ้านก็จะสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อม และความชอบโดยส่วนตัว สไตล์บ้านแต่ละอย่าง มีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความชอบ ทางผู้เขียนจะนำเสนอข้อดี ข้อเด่น และข้อควรรู้ของสไตล์บ้าน 3 แบบ มาให้พิจารณากัน
Modern Style : คือบ้านที่ใช้รูปทรงเรขาคณิตในการออกแบบ แนวคิดหลักของบ้านสไตล์นี้คือโครงสร้างและวัสดุที่สามารถตอบสนองการใช้งานได้ดี รูปทรงอาคารจะถูกกำหนดจากการใช้งานภายใน ไม่มีการประดับประดาเพิ่มเติม ทำให้โครงสร้างบ้านไม่ซับซ้อนมาก เน้นความเรียบง่าย ดูแลรักษาง่าย
แต่ด้วยรูปทรงอาคารและการใช้วัสดุ ซึ่งบางอย่างอาจเป็นวัสดุที่ไม่เหมาะกับสภาพภูมิอากาศแบบบ้านเรา เช่นเมทัลชีท วิธีที่จะช่วยได้คือใช้การเลือกวัสดุที่ช่วยป้องกันอีกชั้นคือ เมทัลชีท มี PE ฉวนกันความร้อน และฝ้าชั้น 2 เป็นฝาป้องกันความร้อน อย่างฝ้าเทอมัลไลน์ เป็นตัวช่วย เป็นต้น
Contemporary Style : คือบ้านที่ประยุกต์รูปทรงเรขาคณิตมาใช้ ให้ความรู้สึกหนักแน่น แข็งแรง และมีความชัดเจน เน้นการตกแต่งแบบพอดี ลดทอนความฟุ่มเฟือยและสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป สถาปัตยกรรมที่ปรากฏจึงเป็นรูปแบบที่เรียบง่าย มีมิติ น่าสนใจ ผ่านรูปทรงและเส้นสายที่สร้างแรงบันดาลใจอย่างไม่สิ้นสุด ออกแบบพื้นที่ใช้สอยอย่างเรียบง่ายแต่ใช้ประโยชน์ได้จริง
Classic Style : เนื่องจากสไตล์คลาสสิคเป็นสไตล์ที่เน้นความหรูหราไม่เน้นประโยชน์ใช้สอยมากนัก โดยเน้นความรู้สึกหรูหรา โออ่า โดยการออกแบบห้องให้มีขนาดใหญ่กว่าปกติหรือทำฝ้าเพดานสูงๆ ประตูหน้าต่างช่องแสงขนาดใหญ่กว่าปกติเพื่อให้ดูโอ่โถง การใช้วัสดุของสไตล์คลาสสิคคือการใช้วัสดุธรรมชาติ เช่นหินอ่อน หินแกรนิต เพราะฉะนั้นสิ่งที่ตามมาคืองบประมาณที่ใช้ปลูกสร้างบ้าน ค่าเฉลี่ยตารางเมตรปลูกสร้างจะสูงกว่าบ้านสไตล์อื่นๆ
6. รูปทรงของอาคาร
- ตัว L ให้ความปลอดโปร่ง มีทางเดินช่วยกันความร้อน เหมาะกับที่ดินหน้าแคบ ช่วยให้เกิดพื้นที่สีเขียว และยังสามารถจัดผังได้โดยง่ายแบบเป็นสัดส่วน
- ตัว U ทุกห้องภายในจะมองเห็นซึ่งกันและกัน ผ่านที่ว่างตรงกลางซึ่งอาจจะเป็นสวนหรือสระว่ายน้ำ แสงธรรมชาติสามารถส่องเข้ามาถึงในพื้นที่บ้านได้ดี ไม่มีส่วนทึบที่ทำให้รู้สึกอึดอัด แต่ข้อควรระวังต้องศึกษาเรื่องทิศและที่ตั้งของอาคารให้เหมาะ จึงจะใช้สอยได้ประโยชน์สูงสุด
- บ้านรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ข้อดีคือพื้นที่ใช้สอยเต็มๆ แบบไม่เสียพื้นที่ว่าง และถ้าเชื่อตามหลักฮวงจุ้ย ถือว่าเป็นรูปทรงที่ดีที่สุด เนื่องจากเมื่อแบ่งบ้านออกเป็น 8 ทิศหลักแล้ว สามารถมีพื้นที่ให้กระแสอากาศไหลเวียนได้ทั่วทุกทิศและยังมีพื้นที่ใกล้เคียงกันทุกๆทิศ
7.วัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งาน
นอกจากแบบสวย ใช้สอยดี มีความแข็งแรง อีกเรื่องที่ต้องคำนึงในการเลือกแบบบ้าน คือการเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เช่น ถ้าปลูกสร้างบ้านใกล้ทะเล ต้องระวังความชื้นจากไอทะเล ถ้าเลือกใช้งานไม้ก็ควรเลือกไม้เนื้อแข็งและเคลือบทาสารป้องกันให้ทนทานมากขึ้น
สนับสนุนบทความโดย
บริษัท เนเชอรัลโฮม จำกัด
ที่อยู่ : 15/10 หมู่ 2 ถนนสายไหม แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพฯ 10220
โทรศัพท์ : 0 2991 8338, 0 2994 3401
อีเมล : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
เว็บไซต์ : www.naturalhome.co.th