ทำความรู้จักอิฐแต่ละประเภท และการเลือกให้เหมาะกับการสร้างบ้าน
1. อิฐมอญ
อิฐมอญ หรือรู้จักกันในชื่อของอิฐแดง หรืออิฐดินเผา มีลักษณะสีส้มแดง ถือเป็นอิฐก่อสร้างยอดนิยมที่มีต้นกำเนิดมาจากชาวมอญที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในประเทศไทย
อิฐชนิดนี้มีส่วนประกอบหลักคือดินเหนียว แกลบ และน้ำ ผสมกันในอัตราส่วนที่เหมาะสม จากนั้นจึงนำไปใส่แบบพิมพ์อัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยม ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วนำไปเผาที่อุณหภูมิประมาณ 700-800 องศาเซลเซียส เพื่อให้มีความแข็งแรงและคงรูปร่างไว้ โดยเป็นอิฐที่ทนทานต่อสภาพอากาศในเมืองไทย และถูกใช้ในงานก่อสร้างมาหลายสิบปี
ประเภทของอิฐมอญ (อิฐแดง)
• อิฐแดงตัน เป็นการผลิตโดยการอัดดินใส่แม่พิมพ์ ทิ้งไว้จนแห้งแล้วนำไปเผา วิธีนี้อิฐอาจมีขนาดและสัดส่วนไม่ตายตัวขึ้นอยู่กับรูปแบบและแหล่งผลิต โดยข้อดีของอิฐมอญตัน คือ มีความแข็งแกร่ง ทนทาน มีความหนาแน่นที่สามารถรับแรงอัดเวลาตอกได้ดี เหมาะสำหรับก่อผนังที่ต้องใช้รับน้ำหนักมากเป็นพิเศษ
• อิฐแดงรู เป็นอิฐที่พัฒนามาจากอิฐแดงแบบตัน แต่แตกต่างกันที่จะมีรูกลวงด้านในและผลิตด้วยเครื่องจักร ทำให้สามารถผลิตได้ทีละจำนวนมาก โดยอิฐแดงรูที่นิยมใช้งานอย่างแพร่หลายคืออิฐแดง 2 รู แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาให้มีรูเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่ 4 รู ถึง 8 รู รวมทั้งยังมีแบบช่องด้วย เพื่อรองรับการใช้งานที่แตกต่างและหลากหลาย ส่วนข้อดีของอิฐแดงรูนี้ จะมีน้ำหนักที่เบากว่าเมื่อเทียบกับอิฐแดงตัน จึงช่วยลดปัญหาการทรุดตัวของโครงสร้าง เพราะไม่ต้องรองรับน้ำหนักมากเกินไป ช่วยระบายอากาศ ไม่อมความร้อน เหมาะกับทุกงานก่อสร้าง
การนำไปใช้งาน
• สามารถใช้กับงานก่อสร้างทั่วไป เหมาะกับการใช้เป็นวัสดุกรุผนังที่มีน้ำหนักมากๆ หรือการก่ออิฐโชว์แนว ก่อผนังสไตล์ลอฟท์ วินเทจ อ่างล้างหน้า ท็อปโต๊ะ หรือตกแต่งสวน
• การแก้ปัญหาอิฐมอญสะสมความร้อน สามารถทำได้โดยการก่ออิฐมอญ 2 ชั้น จะช่วยป้องกันความร้อนจากภายนอกถ่ายเทสู่ภายในบ้านได้
2. อิฐบล็อก
อิฐที่มีสีเทาจากส่วนผสมระหว่างปูนซีเมนต์กับทราย มีการผลิตในรูปแบบอุตสาหกรรมมากกว่าอิฐมอญ โดยลักษณะเด่นของอิฐบล็อกคือมีรูกลวงตรงกลาง ช่วยให้น้ำหนักของก้อนอิฐเบาขึ้น และช่วยถ่ายเทความร้อนได้ดีกว่าอิฐมอญ
การนำไปใช้งาน
• อิฐบล็อกนิยมใช้กับงานก่อสร้างทั่วไป เพราะมีราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับอิฐชนิดอื่นๆ จึงเหมาะสำหรับงานก่อสร้างที่ต้องการคุมค่าใช้จ่าย เพราะขนาดก้อนใหญ่ ราคาถูก ใช้เวลาก่อสร้างเร็วกว่าอิฐมอญ ประหยัดทั้งต้นทุนและค่าจ้างแรงงาน เหมาะกับการก่อสร้างผนังโกดัง โรงงาน กำแพง หรือต่อเติมภายนอกบ้าน
• ข้อจำกัดการใช้งานของอิฐบล็อก คือ ไม่ควรใช้ในการก่อผนังห้องน้ำ เพราะเนื้ออิฐมีรูพรุนมาก สามารถดูดซับน้ำได้ดี จะทำให้มีโอกาสรั่วซึมสูง ไม่เหมาะกับงานเดินท่อไฟหรือท่อประปาในผนัง มีปัญหาเรื่องการเก็บเสียง และเสี่ยงต่อการแตกร้าวหากมีการเจาะ
3. อิฐมวลเบา
อิฐมวลเบาเป็นอิฐที่ได้รับความนิยมในการนำมาก่อสร้างมากที่สุดในปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติเด่นที่นอกจากความแข็งแรง ทนทานแล้ว ยังมีน้ำหนักเบา และป้องกันความร้อนได้อย่างดี
อิฐชนิดนี้มีส่วนประกอบหลักคือ ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ยิปซัม ปูนขาว ทรายละเอียด น้ำ และผงอะลูมิเนียม นำไปผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัยทำให้อิฐมวลเบาแต่ละก้อนนั้นมีขนาดมาตรฐานเท่าๆ กัน น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการทำผนังบ้านที่ต้องการลดน้ำหนักของโครงสร้าง และจะช่วยลดการสูญเสียในการก่อสร้าง
การนำไปใช้งาน
• เป็นอิฐที่ทนทานต่อไฟ แข็งแรงทนทาน สะดวกต่อการก่อสร้างเพราะมีขนาดก้อนที่ใหญ่ ใช้เวลาและแรงงานในการก่อสร้างน้อยกว่าอิฐมอญ สามารถรับแรงกดได้มาก เหมาะกับการก่อผนังหลักของบ้าน หรือผนังที่ต้องการความเย็นอย่างผนังห้องนอน และห้องนั่งเล่น
• ข้อจำกัดของอิฐมวลเบาคือ หากจะเจาะเพื่อแขวนของตกแต่งต้องใช้พุกโลหะสำหรับอิฐชนิดนี้เท่านั้น และมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับอิฐมอญและอิฐบล็อก
นอกจากการใช้งานอิฐเป็นส่วนประกอบหลักของการสร้างบ้านแล้ว ยังสามารถนำไปเพิ่มลูกเล่นในการออกแบบได้อีกด้วย ทำให้บ้านมีมิติและมีความแตกต่างมากขึ้น แต่การเลือกใช้อิฐแต่ละประเภทควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน และมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องการก่อสร้างคอยแนะนำ ให้คำปรึกษา หรือช่วยควบคุมการก่อสร้าง โดยอาจเลือกใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้าน ซึ่งจะมีทั้งผู้เชี่ยวชาญการออกแบบและก่อสร้าง ทำให้บ้านนั้นปลอดภัยเพราะเลือกใช้วัสดุได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และมีมาตรฐาน
สนับสนุนบทความโดย
บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด
ที่อยู่ : 288/18 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220
โทรศัพท์ : 2 970 3080 - 3
อีเมล : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
เว็บไซต์ : www.emperorhouse.com