บริษัท รับสร้างบ้าน

บริษัทรับสร้างบ้าน รับสร้างบ้าน สร้างบ้าน สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน

อัปเดตวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

29
ต.ค.
2567

  

การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการสร้างบ้านนั้น นอกจากเป็นการสร้างบ้านแบบยั่งยืนแล้ว ยังเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมและการลงทุนที่ชาญฉลาดด้วย เพราะวัสดุเหล่านี้ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมอบประโยชน์มากมายให้กับเจ้าของบ้าน ทั้งการประหยัดพลังงาน การลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ บ้านที่สร้างด้วยวัสดุเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยังมักมีมูลค่าสูงขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทำให้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว ซึ่งบทความนี้ได้อัปเดตวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่น่าสนใจเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

  1. ไม้รีไซเคิล 

ไม้รีไซเคิลเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความคลาสสิกและต้องการลดการตัดไม้ใหม่ ไม้ชนิดนี้มักได้มาจากอาคารเก่า สะพาน หรือโครงสร้างอื่น ๆ ที่ถูกรื้อถอน

ข้อดี: มีเสน่ห์เฉพาะตัว สร้างบรรยากาศอบอุ่นและมีเอกลักษณ์ แข็งแรงทนทาน เพราะผ่านการบ่มมานาน ลดการตัดไม้ใหม่และลดขยะจากการรื้อถอน

ข้อควรพิจารณา: อาจมีราคาสูงกว่าไม้ใหม่ อาจต้องใช้เวลาในการหาไม้ที่มีขนาดและคุณภาพตรงตามที่ต้องการ

  1. คอนกรีตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

คอนกรีตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยมีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และเพิ่มการใช้วัสดุรีไซเคิล ข้อดี: แข็งแรงทนทานเทียบเท่าคอนกรีตทั่วไป ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต บางชนิดมีคุณสมบัติในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ คอนกรีตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ คอนกรีตผสมเถ้าลอย คอนกรีตผสมตะกรันเตาถลุงเหล็ก คอนกรีตผสมเส้นใยธรรมชาติ เป็นต้น

ข้อควรพิจารณา:อาจมีราคาสูงกว่าคอนกรีตทั่วไปเล็กน้อย ควรตรวจสอบมาตรฐานและการรับรองคุณภาพก่อนเลือกใช้

  1. ฉนวนกันความร้อนจากวัสดุธรรมชาติ

ฉนวนกันความร้อนจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ขนแกะ เส้นใยกัญชง หรือเซลลูโลสรีไซเคิล สามารถใช้แทนที่ฉนวนใยแก้วหรือโฟมได้

               ข้อดี: ประสิทธิภาพสูงในการป้องกันความร้อนและเสียง ปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่ระคายเคืองผิวหนังและระบบทางเดินหายใจ ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเมื่อหมดอายุการใช้งาน

ข้อควรพิจารณา: อาจมีราคาสูงกว่าฉนวนทั่วไป บางชนิดอาจต้องมีการป้องกันแมลงและความชื้นเป็นพิเศษ

  1. กระจกประหยัดพลังงาน

กระจกประหยัดพลังงานเป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมการถ่ายเทความร้อนระหว่างภายในและภายนอกอาคาร ช่วยลดการใช้พลังงานในการทำความเย็นและความร้อนภายในบ้าน

ลักษณะและประเภทของกระจกประหยัดพลังงาน:

  • กระจก Low-E (Low Emissivity Glass): มีการเคลือบโลหะออกไซด์บางๆ บนผิวกระจก สะท้อนรังสีความร้อน (infrared) แต่ยอมให้แสงผ่านได้ มีทั้งแบบ Hard Coat (เคลือบขณะผลิตกระจก) และ Soft Coat (เคลือบหลังจากผลิตกระจก)
  • กระจกฉนวนแบบหลายชั้น (Insulated Glazing Units หรือ IGU): ประกอบด้วยกระจกตั้งแต่ 2 ชั้นขึ้นไป โดยมีช่องว่างระหว่างชั้น ช่องว่างอาจบรรจุอากาศหรือก๊าซเฉื่อย เช่น อาร์กอน หรือคริปตอน เพื่อเพิ่มคุณสมบัติการเป็นฉนวน
  • กระจกสะท้อนแสง (Reflective Glass): มีการเคลือบโลหะบางๆ เพื่อสะท้อนแสงและความร้อน ลดความร้อนที่เข้าสู่อาคาร แต่อาจลดแสงธรรมชาติด้วย
  • กระจกเปลี่ยนสีตามแสง (Photochromic Glass): เปลี่ยนความทึบแสงตามความเข้มของแสง ช่วยลดความร้อนและแสงจ้าในช่วงที่แดดแรง
  • กระจกเปลี่ยนสีด้วยไฟฟ้า (Electrochromic Glass): สามารถควบคุมความทึบแสงได้ด้วยการปรับกระแสไฟฟ้า ให้ความยืดหยุ่นในการควบคุมแสงและความร้อนตามต้องการ

ข้อดี: ลดค่าไฟฟ้าจากการใช้เครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความร้อน ช่วยลดแสงจ้าและรังสี UV ที่เข้าสู่บ้าน เพิ่มความสบายให้กับผู้อยู่อาศัย

ข้อควรพิจารณา: มีราคาสูงกว่ากระจกธรรมดา แต่คุ้มค่าในระยะยาว ควรเลือกชนิดที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ของคุณ

  1. วัสดุปูพื้นจากวัสดุรีไซเคิล

วัสดุปูพื้นจากวัสดุรีไซเคิลเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจในวงการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยนำวัสดุที่ผ่านการใช้งานแล้วมาแปรรูปเป็นวัสดุปูพื้นใหม่ที่มีคุณภาพสูง เช่น

  • พื้นไม้ลามิเนตรีไซเคิล: ที่ผลิตจากเศษไม้และเยื่อไม้ที่ผ่านการใช้งานแล้ว มีลวดลายและสีสันเหมือนไม้จริงทนทานต่อรอยขีดข่วนและความชื้น
  • กระเบื้องยางรีไซเคิล: ผลิตจากยางรถยนต์เก่าและพลาสติกรีไซเคิล มีความยืดหยุ่น นุ่มเท้า และดูดซับเสียงเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความทนทานสูง เช่น ห้องออกกำลังกาย
  • พื้นคอมโพสิตจากพลาสติกรีไซเคิล: ผลิตจากขวดพลาสติกและถุงพลาสติกที่ผ่านการใช้งานแล้ว ทนทานต่อความชื้น ไม่ผุกร่อน มีหลากหลายสีและลวดลายให้เลือก
  • กระเบื้องแก้วรีไซเคิล: ผลิตจากขวดแก้วและกระจกที่ผ่านการใช้งานแล้ว สวยงาม มีเอกลักษณ์ และสามารถสร้างลวดลายได้หลากหลาย เหมาะสำหรับการตกแต่งพื้นที่พิเศษในบ้าน
  • พื้นคอนกรีตผสมวัสดุรีไซเคิล: ผสมเศษแก้ว เศษกระเบื้อง หรือเศษคอนกรีตเก่าลงในคอนกรีต ช่วยลดการใช้ทรัพยากรใหม่และลดขยะจากการก่อสร้าง มีความแข็งแรงและทนทานสูง

ข้อดี: ลดขยะและการใช้ทรัพยากรใหม่ ประหยัดพลังงานในการผลิต คุณสมบัติที่ดี: หลายชนิดมีความทนทานสูง ทนต่อความชื้น วัสดุมีความหลากหลาย: มีรูปแบบ สี และลวดลายให้เลือกมากมาย สามารถตอบสนองความต้องการด้านการออกแบบได้

ข้อควรพิจารณา: คุณภาพที่อาจไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากใช้วัสดุรีไซเคิล คุณภาพอาจแตกต่างกันในแต่ละล็อตการผลิต

การติดตั้ง: อาจต้องใช้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในการติดตั้ง

การดูแลรักษา: บางชนิดอาจต้องการการดูแลรักษาเป็นพิเศษเพื่อรักษาคุณภาพในระยะยาว

  1. สีที่ปราศจากสารระเหยอินทรีย์ (VOC)

สีที่ปราศจากสารระเหยอินทรีย์ (VOC) หรือมีปริมาณ VOC ต่ำ เป็นผลิตภัณฑ์สีที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

สารระเหยอินทรีย์ (VOCs) คือ  (Volatile Organic Compounds หรือ VOCs) เป็นสารเคมีที่ระเหยเป็นไอได้ง่ายที่อุณหภูมิห้อง พบได้ในผลิตภัณฑ์หลายชนิด รวมถึงสีทาบ้าน สารเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ระคายเคืองตา จมูก และคอ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ และในบางกรณีอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง

ข้อดี: ปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่มีกลิ่นฉุน เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็กหรือผู้ที่แพ้ง่าย บางยี่ห้อผลิตจากวัสดุธรรมชาติ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ข้อควรพิจารณา: อาจมีราคาสูงกว่าสีทั่วไป บางชนิดอาจต้องทาหลายรอบเพื่อให้ได้สีที่เข้มขึ้น

วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ล้วนมีคุณสมบัติที่โดดเด่นและยั่งยืน สามารถเพิ่มคุณค่าให้กับบ้านในแง่ของประสิทธิภาพการใช้งาน ความสวยงาม และการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม การใช้วัสดุเหล่านี้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ ดังนั้น การเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่มีความเป็นมืออาชีพจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อช่วยวางแผนการก่อสร้าง เลือกวัสดุที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและงบประมาณ รวมถึงออกแบบและก่อสร้างบ้านให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด สามารถให้คำปรึกษาในการสร้างบ้านที่สวยงามและน่าอยู่ ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และร่วมดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกเราให้ยั่งยืนต่อไป

 

 

สนับสนุนบทความโดย

บริษัท ซีคอน จำกัด

ที่อยู่ : 107-115 ถ.สี่พระยา แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กทม. 10500

โทรศัพท์ :  1391

อีเมล : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. 

 

 

 

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน

Home Builder Association

เลขที่ 2 ซอยลาดปลาเค้า 10 แขวงลาดพร้าว

เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230

 : info@hba-th.org

 : 0-2570-0153,0-2940-2744

  : 0-2570-0154