บริษัท รับสร้างบ้าน

อัปเดต เทคโนโลยีการสร้างบ้านที่ช่วยให้บ้านน่าอยู่ขึ้น

อีกหนึ่งทางเลือกที่หลาย ๆ บริษัทรับสร้างบ้าน หรือ โครงการหมู่บ้าน นำมาช่วยในการสร้างบ้าน นั่นก็การเลือกนำนวัตกรรม เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วย เพราะไม่เพียงจะทำให้บ้านน่าอยู่ขึ้นแล้ว ยังควบคุมคุณภาพ คุมเวลา สะดวก ฯลฯ เจ้าของบ้านเองก็ได้ประโยชน์เต็ม ๆ ทั้งงบไม่บานปลาย และความปลอดภัย

วันนี้สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านจะพามา อัปเดต เทคโนโลยีการสร้างบ้านที่ช่วยให้บ้านน่าอยู่ขึ้น จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันค่ะ

1. ผลิตโครงสร้างบ้าน

กว่าจะเป็นบ้านหนึ่งหลัง มีหลายชิ้นส่วนประกอบกัน แต่ละส่วนก็ต้องการความแข็งแรงปลอดภัยเพื่อผู้อยู่อาศัยไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้างบ้าน หลังคา เพดาน ผนัง ประตู-หน้าต่าง ทั้งนี้นอกจากส่วนที่เรามองเห็นอยู่บนดินที่กล่าวไปแล้วนั้น ยังมีส่วนของโครงสร้างบ้านที่อยู่ใต้ดินเป็นส่วนที่มองไม่เห็นอย่าง ฐานราก เสาเข็ม พื้นที่ที่ต้องรองรับน้ำหนัก

ดังนั้น โครงสร้างเองก็คือชิ้นส่วนใหญ่ที่จะเป็นจุดเชื่อมต่อองค์ประกอบต่าง ๆ ไว้ ปัจจุบันเพื่อให้โครงสร้างบ้านได้มาตรฐานยิ่งขึ้น รับน้ำหนัก และ แข็งแรงได้ตามแปลน จึงมีเทคโนโลยีการสร้างบ้าน ผลิตโครงสร้างบ้านขึ้น ผลิตโครงสร้างบ้านด้วยเครื่องจักรขนาดใหญ่ ควบคุม และดูแลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ตรวจสอบคุณภาพทุกขั้นตอนโดยผู้เชี่ยวชาญ ก่อนจะนำมาประกอบบ้านบนที่ดิน ทำให้เราสามารถควบคุมระยะเวลาในการก่อสร้างบ้านได้

2. ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป

ชิ้นส่วนอีกชิ้นที่ต้องมีความแข็งแรงไม่แพ้โครงสร้างบ้าน แม้จะเป็นนวัตกรรมเข้ามาในธุรกิจรับสร้างบ้านสักระยะแล้ว แต่ก็ยังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เพราะผนังคอนกรีตสำเร็จรูป หรือ Precast Concrete มีส่วนประกอบหลักคือ เนื้อคอนกรีตเสริมด้วยลวดตะแกรง Wire Mesh หรือ Cold Drawn ควบคุมการผลิตด้วยระบบโรงงานที่มีมาตรฐาน ดังนั้น เมื่อต้องการงานที่มีลักษณะชิ้นส่วนที่คล้ายกัน ควบคุมระยะเวลาการผลิตได้ ลดค่าแรงงาน เป็นมาตรฐานเดียวกัน ผนังคอนกรีตสำเร็จรูปจึงเป็นคำตอบ แต่ที่สำคัญที่ทำให้บ้านน่าอยู่ยิ่งขึ้นเพราะการหล่อผนังคอนกรีตสำเร็จรูปจากโรงงานนั้น ไม่ทิ้งวัสดุเหลือใช้ ลดฝุ่นหน้างาน ไม่กวนใจกวนสุขภาพหลังเข้าอยู่

3. เทคโนโลยี 3D Printing

เทคโนโลยี พิมพ์แบบบ้าน 3 มิติ คือการขึ้นรูปวัสดุชิ้นส่วนต่าง ๆ ของบ้าน ในแต่ละจุด โดยการพิมพ์เพื่อให้เห็นโครงสร้างเป็นรูปเป็นร่าง หรือจะพิมพ์เพื่อให้เห็นแบบบ้านหนึ่งหลังก็สามารถทำได้ ซึ่งการพิมพ์แบบบ้าน 3 มิตินี้ มักจะเป็นบ้านที่มีการออกแบบเฉพาะตัว ล้ำสมัย ไม่เหมือนใคร เมื่อได้แบบบ้านได้คร่าว ๆ ก็จะเห็นถึงมุมรับแสง มุมอับแสง มุมรับลม มุมพักผ่อน ที่มีผลต่อการอยู่อาศัยก็สามารถแก้ไขในแบบได้ก่อนเบื้องต้นเพื่อให้ได้บ้านที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น เมื่อการก่อสร้างบ้านเป็นไปตามแผนก็ลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นขณะก่อสร้าง เพิ่มความแม่นยำ งบไม่บานปลาย กำหนดระยะเวลาส่งมอบบ้านได้ อย่าลืมมองหาบริษัทรับสร้างบ้านที่มีบริการ เทคโนโลยี 3D Printing ช่วยอีกทางนะคะ

4. ฉนวนกันความร้อน กันเสียง

นอกจากการสร้างบ้านโดยอาศัยทิศทางลม การวางแปลน รับแสง รับลมเพื่อช่วยระบายความร้อนแล้ว ฉนวนกันความร้อน-เสียง ก็ยังเป็นส่วนที่สำคัญที่ต้องติดตั้งเพื่อป้องกันแสงแดดที่อ้อมมาตกในทุก ๆ เย็นอยู่ดี และดูดซับเสียงเทคโนโลยีฉนวนกันความร้อนมีหลากหลายวัสดุ เช่น

• วัสดุฉนวนใยแก้ว หรือ ไมโครไฟเบอร์ มีทำหน้าที่เก็บกักความร้อนไว้และลดการส่งถ่ายความร้อนจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง โพรงอากาศเล็ก ๆ ในวัสดุฉนวนใยแก้วจัดเป็นฉนวนกันความร้อนและดูดซับเสียงที่มีประสิทธิภาพมีความอ่อนตัวและคืนตัวดี สามารถทนไฟได้ประมาณ 300 องศาเซลเซียส

• วัสดุฉนวนใยหิน จัดเป็นเส้นใยจากธรรมชาติที่ไม่มีสารประกอบของ แอสเบสตอส (Asbestos) จึงปลอดภัยต่อสุขภาพ สมบัติในการกันความร้อนและดูดซับเสียง ทนไฟได้ดีกว่าใยแก้ว

เมื่อบ้านอุณภูมิที่ต่ำลง เครื่องปรับอากาศไม่ทำงานหนัก ค่าใช้จ่ายค่าไฟก็ลดลงตามมาด้วย ลดทอนทั้งความร้อน และเสียง ช่วยทำให้บ้านเป็นที่พักผ่อนอย่างแท้จริง

ปัจจุบันบริษัทรับสร้างบ้านใหญ่หลายที่ก็ได้นำเอาเทคโนโลยีการสร้างบ้านมาปรับใช้กับการสร้างบริการเพื่อส่งมอบบ้านที่มีคุณภาพและปลอดภัยแก่ลูกค้า เราในฐานะผู้บริโภคจึงได้เปรียบมีสิทธิ์เลือกได้ว่าบริการบริษัทรับสร้างบ้านไหนคุ้มค่าและตรงตามความต้องการของเรา ทั้งนี้ก็เพื่อให้เราได้บ้านที่น่าอยู่ เป็นที่พักผ่อนของทุกคนในครอบครัวที่สุด บทความครั้งหน้า สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน จะได้นำเรื่องใดมาฝากกันอีก โปรดติดตามค่ะ

สนับสนุนบทความโดย

บริษัท โฟร์พัฒนา จำกัด

ที่อยู่ : เลขที่ 2 ซ.ลาดปลาเค้า 10 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230

โทรศัพท์ :  02-940-3789

อีเมล : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. 

เว็บไซต์ : www.fourpattana.com