สำหรับผู้ที่วางแผนสร้างบ้านในปี 2569 การทำความเข้าใจเรื่องสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ยถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการตัดสินใจเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมจะส่งผลต่อภาระทางการเงินของคุณไปอีกหลายสิบปี
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้รวบรวมข้อมูลสินเชื่อเพื่อการปลูกสร้างบ้านจากสถาบันการเงินชั้นนำ พร้อมคำแนะนำที่จะช่วยให้คุณเตรียมตัวได้อย่างรอบคอบ
ภาพรวมอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อสร้างบ้าน
ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมีความหลากหลายตามนโยบายของแต่ละธนาคาร โดยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ในช่วงประมาณ 2.89% ถึง 5.28% ต่อปี ขึ้นอยู่กับประเภทสินเชื่อและเงื่อนไขของผู้กู้
ธนาคารของรัฐอย่างธนาคารออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ต้องการสร้างบ้าน เนื่องจากมีอัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันได้และมีผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการปลูกสร้าง ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ก็มีโปรโมชันดอกเบี้ยพิเศษสำหรับลูกค้าที่มีคุณสมบัติตามเงื่อนไข
ข้อมูลสินเชื่อสร้างบ้าน 7 ธนาคาร (อัปเดต ธ.ค. 2568)
| ธนาคาร | ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก | MRR ปัจจุบัน | วงเงินกู้สูงสุด | ผ่อนนานสุด |
| ธอส. | 2.70-3.20% | 6.245% | 100% | 40 ปี |
| ออมสิน | 2.65-2.89% | 6.295% | 100% | 40 ปี |
| กรุงไทย | 3.51% | MLR 6.50% | 100% | 40 ปี |
| กสิกรไทย | 3.45-3.70% | 6.780% | 100% | 35 ปี |
| กรุงศรีอยุธยา | 2.72% | 6.870% | 100% | 30 ปี |
| ทหารไทยธนชาติ | 3.10% (คงที่) | 7.305% | 100% | 35 ปี |
| ไทยพาณิชย์ | 2.85-3.39% | 6.775% | 100% | 30 ปี |
สินเชื่อสร้างบ้านต่างจากสินเชื่อซื้อบ้านอย่างไร
จุดแตกต่างสำคัญที่ผู้วางแผนสร้างบ้านต้องทราบคือ สินเชื่อเพื่อปลูกสร้างบ้านมีกระบวนการเบิกจ่ายเงินที่แตกต่างจากสินเชื่อซื้อบ้านในโครงการ ธนาคารจะแบ่งจ่ายเงินกู้เป็นงวดตามความคืบหน้าของการก่อสร้าง โดยจะส่งเจ้าหน้าที่มาประเมินผลงานก่อนเบิกจ่ายแต่ละงวด
วงเงินกู้สำหรับการปลูกสร้างบ้านโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 70-100% ของค่าก่อสร้างตามสัญญา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมูลค่าที่ดินที่ใช้เป็นหลักประกันและความสามารถในการผ่อนชำระของผู้กู้ ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดอยู่ที่ 30-40 ปี โดยอายุผู้กู้รวมกับระยะเวลากู้ต้องไม่เกิน 70 ปี

เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการกู้สร้างบ้าน
นอกจากเอกสารยืนยันตัวตนและรายได้ตามปกติแล้ว การขอสินเชื่อปลูกสร้างบ้านต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม ได้แก่ สำเนาโฉนดที่ดิน แบบแปลนบ้านที่ผ่านการอนุมัติ ใบอนุญาตก่อสร้าง ใบประมาณการค่าก่อสร้าง และสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมา
สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ ธนาคารหลายแห่งกำหนดเงื่อนไขว่าผู้กู้ต้องว่าจ้างบริษัทรับสร้างบ้านที่มีความน่าเชื่อถือและจดทะเบียนถูกต้อง เงื่อนไขนี้มีขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงที่การก่อสร้างจะไม่แล้วเสร็จตามสัญญา
ปัจจัยที่ธนาคารใช้พิจารณาอนุมัติสินเชื่อ
ธนาคารจะพิจารณาจากหลายปัจจัยประกอบกัน ได้แก่ ความสามารถในการผ่อนชำระซึ่งโดยทั่วไปกำหนดว่าภาระหนี้รวมไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ ประวัติทางการเงินและเครดิตบูโร มูลค่าที่ดินที่ใช้เป็นหลักประกัน รวมถึงความน่าเชื่อถือของผู้รับเหมาที่จะดำเนินการก่อสร้าง
สำหรับผู้ที่วางแผนสร้างบ้านหรูหรือบ้านมูลค่าสูง ธนาคารบางแห่งมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อพิเศษสำหรับวงเงินตั้งแต่ 7 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมักได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่าและเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นกว่า
เตรียมตัวอย่างไรให้กู้ผ่านง่าย
- การเตรียมความพร้อมก่อนยื่นกู้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติได้มาก ประการแรก ควรตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรของตนเองล่วงหน้าอย่างน้อย 3-6 เดือน หากพบประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี ควรรีบแก้ไขและรอให้ข้อมูลอัปเดตก่อนยื่นกู้
- ประการที่สอง ควรลดภาระหนี้สินที่มีอยู่ให้น้อยลง เช่น หนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคล เพราะธนาคารจะนำภาระหนี้ทั้งหมดมาคำนวณความสามารถในการผ่อนชำระ หากมีภาระหนี้สูงเกินไป อาจทำให้วงเงินที่ได้รับอนุมัติต่ำกว่าที่ต้องการ
- ประการที่สาม ควรมีเงินออมสำรองไว้อย่างน้อย 20-30% ของมูลค่าโครงการ เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่ธนาคารไม่ได้ปล่อยกู้ รวมถึงค่าใช้จ่ายแฝงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้าง
คำแนะนำในการเลือกสินเชื่อ
- การเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ควรพิจารณาอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา (EIR) ซึ่งสะท้อนต้นทุนการกู้ยืมที่แท้จริงได้ดีกว่า รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าประเมินหลักประกัน ค่าจดจำนอง และค่าธรรมเนียมจัดการสินเชื่อ
- เลือกธนาคารที่มีสาขาใกล้พื้นที่ก่อสร้าง เพราะการกู้สร้างบ้านต้องมีการติดต่อประสานงานบ่อยครั้ง ทั้งการเบิกจ่ายเงินงวดและการตรวจประเมินความคืบหน้า
- เลือกผู้รับเหมาที่ธนาคารให้ความเชื่อมั่น การเลือกบริษัทรับออกแบบบ้านและบริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพไม่เพียงส่งผลต่อคุณภาพของบ้านเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อด้วย บริษัทรับสร้างบ้านที่มีประวัติการทำงานดี มีการจดทะเบียนถูกต้อง และเป็นสมาชิกของสมาคมวิชาชีพ จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับธนาคาร
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน แนะนำให้ผู้ที่วางแผนสร้างบ้านศึกษาข้อมูลสินเชื่อจากหลายธนาคารก่อนตัดสินใจ และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหากไม่แน่ใจ การวางแผนทางการเงินที่รอบคอบจะช่วยให้การสร้างบ้านในฝันเป็นไปอย่างราบรื่น โดยไม่สร้างภาระเกินกำลังในระยะยาว