Wellness Home คืออะไร ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่อย่างไร?
คำว่า "Wellness" ในยุคปัจจุบันไม่ได้หมายถึงเพียงการไม่เจ็บป่วย แต่หมายถึงสภาวะของความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวม ทั้งสุขภาพกาย ใจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะหลังจากเหตุการณ์โควิด-19 ที่ทำให้คนทั่วโลกต้องอยู่บ้านมากขึ้น การ Work from Home และ Learn from Home กลายเป็นวิถีชีวิตใหม่ ทำให้บ้านไม่ได้เป็นเพียงที่พักอาศัย แต่กลายเป็นออฟฟิศ โรงเรียน ยิม และแม้แต่โรงพยาบาลเมื่อต้องดูแลสุขภาพตนเอง
แนวคิดเรื่องการออกแบบบ้านเพื่อสุขภาพหรือ "Wellness Home" จึงกลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก บริษัทรับออกแบบบ้าน เริ่มให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นที่อาศัยที่ไม่เพียงสวยงามและใช้งานได้ดี แต่ยังต้องส่งเสริมสุขภาพกายและใจของผู้อาศัย รองรับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป
Wellness Home คืออะไร?
Wellness Home คือแนวคิดการออกแบบและก่อสร้างบ้านที่คำนึงถึงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อาศัยเป็นหลัก โดยจะมุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมสุขภาพทั้งทางกายและใจ ตั้งแต่การวางผังบ้าน การเลือกวัสดุ การออกแบบระบบต่างๆ ไปจนถึงการตกแต่งภายใน ทุกองค์ประกอบถูกคิดมาเพื่อให้ผู้อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด
แนวคิดนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนในยุคดิจิทัล ที่ต้องใช้เวลาในบ้านมากขึ้น ทำงานจากบ้านเป็นประจำ และต้องการพื้นที่ที่ตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายในเวลาเดียวกัน
องค์ประกอบสำคัญของ Wellness Home ที่บริษัทรับสร้างบ้านควรคำนึงถึง
1.แสงธรรมชาติและการระบายอากาศ
การออกแบบจะให้ความสำคัญกับแสงธรรมชาติเป็นพิเศษ การเปิดหน้าต่างขนาดใหญ่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ให้แสงแดดส่องเข้ามาได้เต็มที่ในช่วงเช้า ช่วยกระตุ้นการผลิตวิตามินดีและทำให้ร่างกายสดชื่น การติดตั้งหน้าต่างแบบ Double-Glazed ช่วยป้องกันความร้อนแต่ยังคงให้แสงสว่างเข้ามาได้ดี การออกแบบให้มีการระบายอากาศแบบ Cross Ventilation ช่วยให้อากาศภายในบ้านหมุนเวียนตลอดเวลา ลดความชื้นและเชื้อโรคในบ้าน ป้องกันปัญหาเชื้อราและไรฝุ่นที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้
2.พื้นที่สีเขียวและธรรมชาติ
การมีพื้นที่สีเขียวในบ้านไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่มีผลต่อสุขภาพจิตใจโดยตรง บริษัทรับออกแบบบ้านมืออาชีพ จะแนะนำการจัดสวนขนาดเล็กทั้งภายนอกและภายในบ้าน การทำ Indoor Garden หรือ Vertical Garden ที่ช่วยฟอกอากาศและสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย การเลือกต้นไม้ที่มีคุณสมบัติฟอกอากาศ เช่น ลิ้นมังกร สนฉัตร หรือยางอินเดีย นอกจากนี้การมีสวนผักสวนครัวขนาดเล็กยังช่วยให้ได้รับประทานผักปลอดสารพิษและเป็นกิจกรรมผ่อนคลายสำหรับทุกคนในครอบครัว
3.วัสดุที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสุขภาพ
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านแนะนำให้เลือกใช้วัสดุที่ได้มาตรฐานและปลอดภัยต่อสุขภาพ เช่น การใช้สีทาบ้านที่มีค่า VOC (Volatile Organic Compounds) ต่ำหรือเป็นศูนย์ เพื่อลดสารระเหยที่เป็นอันตราย การเลือกวัสดุปูพื้นที่ไม่ปล่อยสารพิษ เช่น ไม้จริง กระเบื้องเซรามิก หรือหินธรรมชาติ การใช้ฉนวนกันความร้อนที่ปลอดภัยและไม่มีสาร Formaldehyde การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติและไม่มีสารเคมีตกค้าง
4.พื้นที่สำหรับการออกกำลังกายและผ่อนคลาย
การมีพื้นที่เฉพาะสำหรับการดูแลสุขภาพกลายเป็นความจำเป็นในยุคนี้ บริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพจะออกแบบพื้นที่ที่ยืดหยุ่น สามารถใช้เป็นห้องโยคะ ห้องออกกำลังกายขนาดเล็ก หรือมุมนั่งสมาธิ การติดตั้งกระจกเต็มผนังเพื่อให้ห้องดูกว้างและสามารถดูท่าทางขณะออกกำลังกาย การเลือกพื้นที่มีเสียงรบกวนน้อยและมีการระบายอากาศที่ดี รวมถึงการออกแบบให้มีพื้นที่เก็บอุปกรณ์กีฬาอย่างเป็นระเบียบ
5.ระบบน้ำและคุณภาพน้ำ
น้ำเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพ การออกแบบบ้านนี้จะให้ความสำคัญกับการติดตั้งระบบกรองน้ำคุณภาพสูงทั้งบ้าน (Whole House Water Filter) เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำที่ใช้ทั้งดื่มและอาบน้ำปลอดภัยจากสารเคมีและโลหะหนัก การติดตั้งเครื่องกรองน้ำดื่มแบบ RO หรือ Alkaline ในครัว การใช้ฝักบัวที่มีระบบกรองคลอรีนเพื่อป้องกันผิวและเส้นผมแห้งเสีย
เทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อสุขภาพที่ดี
Smart Home Technology
การนำเทคโนโลยี Smart Home มาใช้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องความสะดวกสบาย แต่ยังช่วยดูแลสุขภาพด้วย เช่น ระบบควบคุมคุณภาพอากาศอัตโนมัติที่ตรวจจับฝุ่น PM2.5 และเปิดเครื่องฟอกอากาศเมื่อจำเป็น ระบบควบคุมแสงสว่างที่ปรับตามช่วงเวลาของวัน (Circadian Lighting) เพื่อช่วยให้ร่างกายมีจังหวะการนอนที่ดี ระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อสุขภาพ
ระบบเสียงและการลดมลพิษทางเสียง
เสียงรบกวนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัว บริษัทรับออกแบบบ้านที่ดีจะคำนึงถึงการติดตั้งฉนวนกันเสียงที่มีประสิทธิภาพ การใช้หน้าต่างกระจกสองชั้นเพื่อลดเสียงจากภายนอก การออกแบบผนังและเพดานที่ช่วยดูดซับเสียง การแยกโซนพื้นที่ทำงานออกจากพื้นที่พักผ่อนเพื่อลดการรบกวนซึ่งกันและกัน
ประโยชน์ที่ได้รับจาก Wellness Home
ด้านสุขภาพกาย
การอยู่อาศัยในบ้านที่ออกแบบตามแนวคิด Wellness Home ช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ ได้อย่างเห็นได้ชัด แสงธรรมชาติที่เพียงพอช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเมลาโทนิน ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น อากาศที่บริสุทธิ์ช่วยลดอาการภูมิแพ้และโรคทางเดินหายใจ การมีพื้นที่ออกกำลังกายในบ้านทำให้สามารถดูแลสุขภาพได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพอากาศหรือการเดินทาง
ด้านสุขภาพจิต
พื้นที่สีเขียวและธรรมชาติช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล การมีมุมส่วนตัวสำหรับทำสมาธิหรือผ่อนคลายช่วยให้จิตใจสงบ การออกแบบที่โปร่งโล่งไม่อึดอัดช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายเมื่ออยู่บ้าน แสงธรรมชาติที่เพียงพอช่วยลดอาการซึมเศร้าและเพิ่มความสุขในการใช้ชีวิตประจำวัน
ด้านประสิทธิภาพการทำงาน
สำหรับผู้ที่ทำงานจากบ้าน การมีพื้นที่ทำงานที่ได้รับการออกแบบอย่างเหมาะสมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและสมาธิในการทำงาน แสงสว่างที่เพียงพอช่วยลดอาการปวดตาและปวดหัว อากาศที่บริสุทธิ์ช่วยให้สมองทำงานได้ดี การแยกโซนการทำงานออกจากพื้นที่พักผ่อนช่วยสร้าง Work-Life Balance ที่ดี
การลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว
แม้ว่าการสร้างบ้านตามแนวคิด Wellness Home อาจต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นในช่วงแรก แต่บริษัทรับสร้างบ้านมืออาชีพที่มีประสบการณ์จะช่วยวางแผนให้การลงทุนนี้คุ้มค่าในระยะยาว ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่ลดลง ค่าไฟฟ้าที่ประหยัดจากการออกแบบที่ดี คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคนในครอบครัว และมูลค่าบ้านที่เพิ่มขึ้นในอนาคต ล้วนเป็นผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุน
สนับสนุนบทความโดย
บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด
ที่อยู่ : 288/18 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ 10220
โทรศัพท์ : 02-970-3080 โทรสาร 02-970-3228, 02-970-4362
อีเมล : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
เว็บไซต์ : www.emperorhouse.com